
วันที่ 26 ม.ค. ที่โรงละคร เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ เอสพลานาด รัชดา นายวีรพล จันทร์ตรง หรือ เอ๋ เชิญยิ้ม ตลกชื่อดัง ที่รับบทผู้กองสมาร์ท ในซิทคอม ผู้กองเจ้าเสน่ห์ ให้สัมภาษณ์หลังจากร่วมงานแถลงข่าวละครเวที ผ้าห่มผืนสุดท้าย ถึงความคืบหน้าคดีที่รถแท็กซี่ชนท้ายรถยนต์ของตน เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ภรรยา ซึ่งกำลังตั้งท้อง 2 เดือนเศษ รวมถึงลูกสาว อายุ 1 ขวบและลูกน้องที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เอ๋ เผยว่า “ต่างคนก็ต่างมีสิทธิ์พูด เพราะว่าตอนนั้นมีแค่ผมกับคนขับแท็กซี่แล้วก็ภรรยาที่เห็นเหตุการณ์ ตอนนั้นมันเที่ยงคืนกว่า บางคนถามทำไมไม่ให้ลูกนั่งคาร์ซีท คือ เราไม่ได้คาดคิดว่าแค่หน้าปากซอยออกไปก็จะเป็นเซเว่นฯ แล้ว มันก็เสียเวลา เราก็เอาลูกนั่งเล่นออกมา แล้วที่โดนชน คือ ชนในเลนที่ 3 ไม่ใช่ว่าออกมาจากซอยแล้วโดนชนเลย แต่นี่ออกมาเลน 3 แล้ว อยู่ในเลนตัวเองแล้ว แล้วโดนชนเต็มตูด ถามว่าลูกอยู่ในมือตัวเองแล้วจะขับร้อยกว่าหรอ ก็ขับมาเรื่อยกำลังจะเข้าเลน 4 เพื่อกลับรถพอมองกระจกหลัง เห็นแล้วว่ารถหลังมาเร็วมาก คนเราเห็นรถเร็วคงไม่ไปซ้ายไปขวาแน่ ต้องตรงๆเข้าไว้ เพื่อให้เขาไปก่อน
แต่นี่คือไม่ไปก่อน มันวิ่งมาหาผมเลย พอร้องเฮ้ย รถก็หมุนเลย แต่เขาให้การว่า ผมตัดหน้ารถเขา เขาบอกว่าเขาไม่เห็นรถผม เขาบอกเงยหน้าขึ้นมาเห็น ซึ่งมันหมายถึงคุณไม่มีสติสัมปชัญญะ เพราะการขับรถคุณต้องเห็นข้างหน้าประมาณ 200-300 เมตร แต่นี่คุณไม่เห็นหรอ ตอนกลางคืนไม่มีอะไรบดบังกลางถนน ไฟก็สว่าง รถผมก็สีขาวมันต้องเห็น คุณบอกไม่เห็นรถผมบอกเห็นตูดรถแล้ว แล้วก่อนหน้านั้นคุณทำอะไรอยู่ทำไมไม่เห็น”
ไม่มีกล้องที่รถใช่ไหม?
“บังเอิญว่าวันนั้นมันคงเป็นโชคชะตา กล้องหน้ารถกับหลังที่ติดไว้มันดันเสีย ดังวิ้งๆ รำคาญก็เลยดึงสายออกเลย คิดว่าเดี๋ยวตอนเช้าจะไปเปลี่ยนก็โดนคืนนั้นเลย”

คู่กรณีมีอาการเมาไหม?
“วันนั้นเขาบอกเขาไม่ได้เมา ผมก็ไม่ได้ติดใจเรื่องเมา วันนั้นเขาคุยง่ายมาก เขาบอกเขาผิดเขารู้ ขอโทษจริงๆ เขาแค่สะบัดหน้า กำลังจะกลับบ้าน เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นรถผมแล้ว ซึ่งถ้าสายตาคุณเห็นแค่ระยะ 10 เมตร คุณก็ไม่น่าขับรถนะ เพราะว่าเวลาคุณขับตอนกลางคืน คุณก็ต้องมองไปข้างหน้า ตาคนเห็นระยะไกลได้แค่ไหน แต่เขาบอกไม่เห็นรถผม อย่างน้อยๆ เราขับออกมาจากซอย เราต้องชะลอรถ เพราะต้องมองข้างหน้าเป็นหลัก ยกเว้นมันพรวดออกมาเลยนั้น คือ ผิดจริงๆ”
แล้วไปต่อยคู่กรณีจริงหรือเปล่า?
“ตอนนั้นผมขาดสติ ใจพ่อใจแม่ เห็นลูกกระเด็นไปอยู่เบาะข้างๆ เพราะภรรยาผมนั่งข้างหลัง แล้วรถผมหมุน ด้วยความเป็นห่วงลูก ผมก็เอามือจับลูกไว้ อีกมือก็ล็อกพวงมาลัยไว้ เลยทำให้รถหมุนแล้วไปกระแทกกับเกาะกลางมันเลยหยุด พอหยุดปุ๊บก็หันไปดูลูกดูเมีย เมียก็จุกร้อง ลูกก็ร้องจ้าเลย ตอนนั้นผมไม่มีสติแล้ว คือ คุณขับรถยังไง เลนตั้ง 3 เลน กว้างๆ ทำไมไม่ไป ลงไปถึงก็ต่อยเลย เพราะความโมโห
ใครที่มีลูกแค่มีคนเดินมาตีลูกคุณ คุณจะยิ้มให้เขาหรือเปล่า แค่ทุกวันครูผู้มีพระคุณตีลูกคุณ คุณยังไปเอาเรื่องเลย แต่นี่ลูกกับเมียผมถึงตายเลยนะ แล้วมันเหมือนชีวิตเด็ก 3 ชีวิต คือ ลูกผม ภรรยา แล้วก็ในท้องอีก 3 ชีวิต มันเสี่ยงตาย ผมไม่รู้ว่าชั่วโมงนั้นลูกผมอะไรหักหรือเปล่า ลูกจะหลุดไหม ชั่วโมงนั้นเป็นใครก็โมโห อยากให้สังคมมองนิดนึง เขาบอกว่าบางที ผมไม่มีเหตุผลใช้ความรุนแรง ผมคิดว่าเหตุผลมันอยู่ที่ใจตัวเอง บางคนฟังเขามา บางคนยังไม่ได้อ่านข่าว ช่วยเข้าไปอ่านนิดนึง แค่เปิดแล้วมันหมุนคุณบอกผมฟิวส์ขาดกับแท็กซี่ ช่วงเน็ตหมุนเนี่ย ผมเชื่อว่าคุณด่าผมไปถึงไหนๆแล้ว”
ลูกในท้องมีกระทบกระเทือนอะไรบ้างไหม
“หมอบอกว่าไม่มี แต่ตอนนี้ภรรยาเจ็บที่ซี่โครงแค่หัวเราะก็เจ็บอยู่ แต่หมอบอกไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าซี่โครงร้าวมันสมานเองได้ ก็เบาใจไปได้นิดหนึ่ง แต่สภาพจิตใจลูกผม ก็พยายามเล่นกับลูกทุกวันให้ขวัญเขากลับมา เพราะ 2 วันแรก เขาหงอยมากเลย เหมือนเขาตกใจ แล้ววันแรกเขานอนไป 4-5 ชั่วโมง ผมให้เมียไปดูว่าลูกยังหายใจอยู่ไหม เขาหลับยาวมากเลยกลัวเขาจะขวัญหนีมากกว่า”
ขยาดการขับรถไปเลยไหม
“กลัวไปเลย ผมอยู่เลนซ้ายตลอดเลยพักหนึ่ง”
ตอนนี้คดีเป็นไงบ้าง?
“เขาก็ไม่ยอม เขาบอกเขาโดนตัดหน้า ถ้าถามว่าคนที่เคยขับรถหรือคนที่รู้กฎหมาย ถ้าโดนตัดหน้าจะต้องโดนชนฝั่งข้าง แต่ของผมโดนเต็มตูด ดูได้ครับหลักฐานมี ผมถ่ายเก็บไว้หมดแล้ว ที่โรงพักเขาก็ถ่ายเก็บไว้ด้วย ว่าโดนชนตูดเต็มๆ คือ คุณชนมาเต็มๆ เลย เพราะผมอยู่ในเลนแล้วผมตั้งตรงแล้ว”
คู่กรณีว่ายังไงบ้าง
“เขาก็บอกผมเข้าใจว่าเขาผิด แต่วันนั้นทุกอย่างมันง่ายไง ผมก็โทษเขาไปแล้วด้วย แต่พอมาวันนี้ เขามากลับคำว่าผมผิด ดังนั้นผมก็ไม่ยอมรับว่า ผมผิดเหมือนกัน เพราะผมอยู่ในเลนของผมแล้วเขาจะให้ผมรับว่าผิด ผมไม่ผิด ผมจะยอมรับได้ไง เงินไม่ต้องการ ขอแค่ถูกอย่าเป็นผิด แล้วผิดอย่าเป็นถูก ให้กฎหมายจัดการ คิดแค่นั้น”
เรื่องค่าเสียหายกับค่ารักษาพยาบาล
“ของเขามันประกันชั้น 3 คือ ประกันชั้น 3 จะจ่ายแค่คู่กรณี แต่ของตัวเองจะไม่ได้ แต่ของผมชั้น 1 มันซ่อมทั้งผมและเขา เขาบอกเปลี่ยนเถอะพี่ตัดหน้ารถผมนะ ก็บอกเขาว่า พี่อย่ามาคุยแบบนี้เลย มีแค่พี่กับผมที่รู้ ถ้าไม่ยอมก็ตามกฎหมายแล้วกัน หลักฐานมีทุกอย่าง รูปภาพ รอยชนก็มีให้เห็นอยู่ แล้วแต่ศาลจะตัดสิน”
เรื่องราวจะยืดเยื้อจนถึงศาลเลยไหม
“คิดว่าน่าจะถึงศาล ผมนัดคุยกันวันศุกร์นี้ (29 ม.ค.) เอาทนายไปด้วย แต่มันไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเขายอมรับก็จบไปแล้ว ถ้าเป็นผมยอมรับนะ เพราะประกันจ่ายคุณจะมาปฏิเสธทำไม ก็เอาตามที่เห็นสิ ถึงคุณจะบอกว่าเงยหน้าแล้วเห็นตัวรถผมแล้ว แสดงว่ามันก็ไม่ถูกแล้วกับการขับรถ ขับรถแล้วเห็นแค่ไม่เกิน 50 เมตร ก็อย่าขับรถเลยอันตรายคนอื่นเขาด้วย”