ทีมนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์สังเกตการณ์อาร์มาจ และมหาวิทยาลัยบักกิงแฮม ประเทศอังกฤษ รายงานการค้นพบดาวหางขนาดยักษ์หลายร้อยดวงที่บริเวณวงโคจรรอบนอกของระบบสุริยะตลอดเวลา 20 ที่ผ่านมา เป็นการบอกว่าวัตถุนี้อาจจะเป็นอันตรายกับโลกของเรามากกว่าดาวเคราะห์น้อยหรืออุกกาบาตก็เป็นได้
ดาวหางยักษ์นี้ มีชื่อว่า Centaurs มีวงโคจรที่ไม่เสถียร มีเส้นทางการโคจรที่ทับซ้อนกับดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน และไม่แน่ว่าสนามแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์เหล่านี้อาจจะทำให้ดาวหางดวงนี้หันเข้ามาที่โลกก็เป็นได้ โดยการค้นพบนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานในวารสารวิชาการ Astronomy and Geophysics แล้ว
Centaurs มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50-100 กิโลเมตรหรือใหญ่กว่า องค์ประกอบของดาวหางนั้นมีมวลมาก ซึ่งมากกว่ามวลรวมของอุกกาบาตที่เคยวิ่งผ่านโลกทุกดวงรวมกันเสียอีก เมื่อคำนวณแล้ว ดาวหางดวงนี้มีโอกาสเข้ามาที่ระบบสุริยะส่วนในบ้าง และจะผ่านวงโคจรของโลกทุก ๆ 40,000 - 100,000 ปี และในขณะที่เข้าใกล้โลก ก็มีโอกาสสูงที่จะแตกออกมาเป็นฝุ่นและชิ้นส่วนเล็ก ๆ กระหน่ำเข้าสู่ระบบสุริยะส่วนใน กลายเป็นเศษซากดาวหางเล็ก ๆ และทำให้ดาวเคราะห์ของเราหลีกเลี่ยงการชนไม่ได้
จากข้อมูลการขุดค้นสิ่งแวดล้อมของดาวเคราะห์ การชะงักของพัฒนาการอารยธรรมโบราณ และความรู้เกี่ยวกับระบบดาวเคราะห์ในบริเวณอวกาศใกล้โลก ทำให้เราทราบว่า Centaurs เคยเข้ามาใกล้เมื่อ 30,000 ปีก่อน และดาวหางยักษ์นี้เวลาเข้ามาใกล้ระบบสุริยะส่วนใน เศษซากก็จะมีขนาดตั้งแต่เท่ากับฝุ่นไปจนถึงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว
หลักฐานจากการศึกษาทางสิ่งแวดล้อมทำให้ทราบว่า เมื่อประมาณ 10,800 และ 2,300 ปีก่อนคริสตกาล สิ่งแวดล้อมเคยถูกรบกวนจากดาวหางมาด้วยเช่นกัน ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อ 65 ล้านปีก่อน การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงจากดาวหางยักษ์ก็ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์มาแล้ว
ศาสตราจารย์เนเพียร์ นักวิจัยให้ความเห็นว่า "ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามอย่างมากในการติดตามและวิเคราะห์ความเสี่ยงที่โลกกับดาวเคราะห์น้อยจะเกิดการชนกัน งานวิจัยของเราชี้ว่า วงโคจรชั้นนอกระดับดาวพฤหัส เราก็พบ centaurs และถ้าเราคำนวณถูก ระยะประมาณนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงเลยนะ มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเข้าใจมันมากขึ้น"