วิธีออมเงินสุดเจ๋ง! เริ่ม 10 บาท แต่ได้เงิน 14,000 ที่จะทำให้การเก็บเงินไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เริ่มเลยปีใหม่นี้!

เป็นที่แพร่หลายในโซเชียลมีเดียกับวิธีออมเงินภายใน1ปี 52 สัปดาห์ เพียงคุณออมเงินในสัปดาห์แรก 10 บาท หลังจากนั้นสัปดาห์ต่อไปให้เพิ่มขึ้นมากกว่าสัปดาห์แรกอีก10บาท จากเศษเงินก็สามารถกลายเป็นเงินหลักหมื่นได้ด้วยวิธีง่ายๆ

แต่คุณอาจคิดว่าหนึ่งปีนั้นนานเกินไป ลองลดให้เหลือเพียง 52 วัน โดยใช้วิธีประหยัดเงินรายจ่ายในแต่ละวันดูก็ไม่ผิดกติกา เรามีตารางมาให้เทียบดูด้วยนะ
วิธีนี้มีข้อดี3ข้อ

1.ตั้งเกณฑ์ที่ง่าย ความอยากทำก็จะเพิ่มสูงขึ้น
2.ยอมรับหากตัวเองใช้เงินฟุ่มเฟือย และตั้งเป้าหมายที่จะออมเงินในจำนวนที่มากๆเพราะหากไม่ตั้งใจออมเงินก็จะทำไม่ถึงเป้าหมาย
3.เมื่อทำถึงเป้าหมายแล้วก็จะเริ่มอยากตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไป
ใครอยากรวย อยากมีเงินเก็บ เชิญทางนี้ เรามีทิปส์เด็ดๆ
ในการเก็บเงินให้อยู่หมัดมาฝาก
แม้บางวิธีจะดูฝืนใจไปหน่อย แต่รับรองว่าได้ผล  

1. เก็บแบงก์ 50 ไว้
          เมื่อไหร่ที่ได้เงินทอนเป็นแบงก์ 50 ให้แยกเก็บ อย่าเอามาใช้ เมื่อกลับมาดูในอีกหลายเดือนให้หลัง รับรองว่ามีเป็นร้อยเป็นพันแน่ๆ

2. เก็บเงินให้เท่ากับค่าข้าวกลางวัน
          มื้อกลางวันกินไปกี่ยาทถึงบ้านก็ให้เอาเงินจำนวนเท่านั้นใส่กระปุกไว้ นอกจากจะได้เงินเก็บแล้ว เผลอๆ ยังกินข้าวน้อยลงอีกต่างหาก

3. เก็บแบงก์ใหม่
          ได้แบงก์ใหม่เอี่ยมอ่องมาทั้งที แยกเก็บเอาไว้ เดือนนึงๆ ก็หลายบาทอยู่นะ อ้อ... แต่ถ้าเป็นแบงก์ห้าร้อย แบงก์พัน าจจะลำบากสักหน่อย ลองใช้กับแบงก์ย่อยก่อนก็ได้จ้า

4. แบ่งเงินที่จะใช้เป็นส่วนๆ ใส่ถุง
          คำนวณว่าแต่ละวันเราใช้จ่ายเท่าไหร่ มีค่าอะไรบ้าง แล้วแยกใส่ถุงไว้เป็นประเภทๆ ช่วยให้จัดสรรการเงินได้ดียิ่งขึ้น

5. เก็บเงินสำหรับเป้าหมายพิเศษเอาไว้ต่างหาก
          อยากไปเที่ยวไหน อยากได้กระเป๋าใหม่ หรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายประจำ ลองหยอดเงินใส่ขวดใส่ประปุกไว้ แปะป้ายให้ชัดเจน แค่นี้ก็ไม่ต้องเบียดเบียนเงินส่วนอื่นแล้ว

6. เก็บเหรียญ
          กลับบ้านมาแต่ละวัน ลองเทกระเป๋าตังค์เอาเหรียญทั้งหมดที่มีใส่กระปุก หมดเดือนก็ลองเอาออกมานับ จำนวนเงินที่ได้จะมากจนคุณแปลกใจเลยล่ะ

7. หักเศษเงินเดือน
          สมมติได้เงินเดือน 18,650 บาท กดมาใช้แค่ 18,000 ถ้วนๆ เศษที่เหลือก็ปล่อยให้ทบไว้ในบัญชีอย่างนั้น สิ้นปีเรามาดูยอดกันว่าเก็บได้เท่าไหร่
ที่มา:http://www.siamupdate.com/news-179636

SHARE THIS

Author:

Previous Post
Next Post